เลือกประเทศไทย

(JUL22) ศูนย์กลางธุรกิจไมซ์เอเชีย

editor image

ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางธุรกิจไมซ์เอเชีย ตั้งแต่ยุทธศาสตร์ที่ตั้งในการเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคอาเซียนเชื่อมโยงสู่ภูมิภาคเอเชีย รวมถึงการวางโครงสร้างการพัฒนาอุตสาหกรรมไมซ์ไทย ที่สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือทีเส็บ วางกลยุทธ์กับพันธมิตรในพื้นที่ร่วมพัฒนาเมืองไมซ์ซิตี้ 10 แห่งประจำทุกภูมิภาคทั่วประเทศ พร้อมจัดตั้งสำนักส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการประจำภูมิภาค 4 ภาค ดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนในภูมิภาค สนับสนุนการจัดงานและผู้จัดงานไมซ์ได้อย่างทั่วถึง พร้อมเดินหน้าลงทำงานเชิงรุกกระจายในพื้นที่ ตั้งเป้าพัฒนาอุตสาหกรรมไมซ์ไทยกระจายสู่ท้องถิ่นอย่างยั่งยืน โดยร่วมกับจังหวัด สมาคม หน่วยงาน และผู้ประกอบการในท้องถิ่นอย่างใกล้ชิด  เพื่อสร้างการรับรู้และสร้างงานในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ พร้อมปลดล็อคธุรกิจไมซ์ในสูตร “ฟื้นฟู สนับสนุน ส่งเสริม”  ชูเรื่องความปลอดภัยในการดันไมซ์ไทยเป็นศูนย์กลางธุรกิจไมซ์เอเชีย เพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจ ที่วันนี้ประเทศไทยมีศักยภาพความพร้อมสูงสุดในทุกด้าน

1. พื้นที่ยุทธศาสตร์  (Strategic Location) 

ประเทศไทยเป็นจุดเชื่อมโยงประเทศในกลุ่มภูมิภาคเอเชีย และมีเศรษฐกิจเชื่อมโยงระหว่างประเทศ มีการถ่ายเทสินค้า บริการ ฝีมือแรงงาน และการค้าการลงทุนระหว่างกัน ส่งผลให้ประเทศไทยเป็นประตูสู่อาเซียนและเอเซีย และเป็นประเทศฐานการผลิตและส่งออกที่สำคัญในอุตสาหกรรมหลักของโลก อาทิ อุตสาหกรรมยานยนต์ และชิ้นส่วนประกอบ อุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์และไอที เป็นต้น

  •   การส่งออก 

กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยสถานการณ์ส่งออกในเดือนเมษายน 2565 ไทยทำตัวเลขส่งออกได้อยู่เหนือระดับ 2.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวต่อเนื่องเดือนที่ 14 ที่ตัวเลข 9.9% เมี่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน ทั้งนี้ การส่งออกไทย 4 เดือนแรกของปี 2565 ขยายตัวร้อยละ 13.7 และยุทธปัจจัย ขยายตัวร้อยละ 8.2 ชี้ให้เห็นว่า การส่งออกยังเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจไทย

แผนส่งเสริมการส่งออกเชิงรุก เพื่อผลักดันและอำนวยความสะดวกด้านการส่งออกของผู้ประกอบการไทย ได้แก่ การปลดล็อกอุปสรรคการส่งออกสินค้าผลไม้ไปจีน การฟื้นฟูตลาดซาอุดีอาระเบีย การส่งเสริมการค้าที่มีกระบวนการผลิตเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงบริบททางการค้าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า โดยเฉพาะการค้ากับสหภาพยุโรป และการเร่งรัดการเจรจาจัดทำ FTA และ Mini-FTA เพื่อเพิ่มโอกาสและขีดความสามารถทางการแข่งขันให้แก่ผู้ประกอบการไทย   

editor image

  •   การลงทุนในประเทศ 

คณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ในเดือนเมษายน 2565 ได้อนุญาตให้คนต่างด้าวเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย จำนวน 50 ราย โดยลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว และการขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว แบ่งเป็นใบอนุญาตประกอบธุรกิจ จำนวน 20 ราย และหนังสือรับรองประกอบธุรกิจ จำนวน 30 ราย โดยมีเม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น 9,997 ล้านบาท ส่งเสริมให้เกิดการจ้างงานคนไทย 592 คน 

ธุรกิจที่ได้รับอนุญาตส่วนใหญ่เป็นธุรกิจที่สอดคล้องกับนโยบายส่งเสริมการลงทุนของภาครัฐ อันเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย อาทิ กิจการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-Commerce) ด้านการธนาคาร ด้านการเงิน และด้านการประกันภัย

  •   การบริหารนโยบายเศรษฐกิจมหภาคในปี 2565

การส่งเสริมการลงทุนภาคเอกชน ให้ความสำคัญกับ 

  1. การเร่งรัดให้ผู้ประกอบการที่ได้รับอนุมัติและออกบัตรส่งเสริมการลงทุนในช่วงปี 2562 - 2564 ให้เกิดการลงทุนจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการลงทุนที่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย 
  2. การแก้ไขปัญหาที่นักลงทุนและผู้ประกอบการต่างชาติเห็นว่าเป็นอุปสรรคต่อการลงทุนและการประกอบธุรกิจ รวมทั้งปัญหาการขาดแคลนแรงงานในภาคการผลิต
  3. การดำเนินมาตรการส่งเสริมการลงทุนเชิงรุกและอำนวยความสะดวกเพื่อดึงดูดนักลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายให้เข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น ควบคู่ไปกับการดึงดูดนักลงทุนจากกลุ่มประเทศใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพ
  4. การส่งเสริมการลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษต่าง ๆ ที่ได้ดำเนินการไปแล้ว รวมถึงขับเคลื่อนพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษในแต่ละภูมิภาค
  5. การขับเคลื่อนการลงทุนพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจและโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งที่สำคัญ ๆ ให้เป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้ 
  6. การพัฒนากำลังแรงงานทักษะสูงเพื่อรองรับอุตสาหกรรมที่เน้นเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้มข้นโดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่

2. การเข้าถึงได้สะดวก  (Easy Access)

ประเทศไทยตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ของเอเชีย มีความพร้อมของสิ่งอำนวยความสะดวกและสาธารณูปโภคระดับมาตรฐาน มีสนามบินทั่วประเทศจำนวน 38 สนามบิน โดยมี 7 สนามบินนานาชาติ พร้อมกันนี้ยังมีศูนย์การประชุมและแสดงสินค้าทั้งหมดอีก 9 แห่ง และมีไมซ์ซิตี้จำนวน 10 เมือง ได้แก่ กรุงเทพ ขอนแก่น เชียงใหม่ นครราชสีมา พิษณุโลก พัทยา ภูเก็ต สงขลา สุราษฎร์ธานี และอุดรธานี ที่สามารถเพิ่มทางเลือกในการจัดกิจกรรมไมซ์ได้หลากหลายรูปแบบตามลักษณะโดดเด่นของพื้นที่ 

  •   การรับมือกับภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขและสุขภาพ 

องค์การอนามัยโลกยกไทยเป็นประเทศต้นแบบในการรับมือกับภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขและสุขภาพถ้วนหน้าในเอเชีย เป็นแบบอย่างให้ประเทศอื่นๆ ได้ถอดบทเรียนเพื่อนำไปปรับใช้ให้เข้ากับบริบทของประเทศตนเอง ชี้ไทยประสบความสำเร็จโดย 5 ปัจจัย ได้แก่ 

  1. การสนับสนุนจากผู้บริหารระดับสูงของประเทศ 
  2. ระบบสาธารณสุขไทยมีความเข้มแข็งจากการมีระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า 
  3. การทำงานเชื่อมต่อกันในทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และลงไปถึงในระดับชุมชน 
  4. กระบวนการผลักดันให้เกิดการมีส่วนร่วมกับประชาชนและชุมชนอย่างต่อเนื่อง 
  5. การนำเทคโนโลยี นวัตกรรม มาประยุกต์ใช้ในการตัดสินใจบนพื้นฐานข้อมูล
editor image
  •   ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้าในประเทศไทย 

โครงการศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เปิดโฉมใหม่ สู่การเป็น “The Ultimate Inspiring World Class Event Platform for All” ที่ครอบคลุมการจัดงานทุกรูปแบบ โดยเพิ่มพื้นที่จากเดิม 25,000 ตารางเมตร เป็น 300,000 ตารางเมตร พร้อมเปิดบริการเดือนกันยายน 2565 ในฐานะสถานที่จัดงานที่ได้รับเลือกเป็นสถานที่จัด “งานประชุมกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจในเอเซียแปซิฟิก หรือ APEC 2022” ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพในเดือนพฤศจิกายน 

ทั้งนี้ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์โฉมใหม่ ประเดิมจัดงานแรก คือ สุดยอดงานมหกรรมเกมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ งาน “Thailand Game Show 2022” ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Come Back” ระหว่างวันที่ 21 ถึง 23 ตุลาคมนี้ โดยความพิเศษของปีนี้ คือ การเปิด 2 โซนใหม่ ได้แก่ โซน NFT Game & Metaverse กับความล้ำสมัยของโลกเสมือนจริง ที่กำลังมาแรงขณะนี้ และโซน Business Matching รองรับกลุ่มบริษัท Game Publisher ผู้พัฒนาเกม สื่อเกม และเอเจนซี่เกม ทุกภาคส่วนของอุตสาหกรรมเกมรวมตัวกันในที่เดียว ช่วยเพิ่มโอกาสและช่องทางการเติบโตของธุรกิจ

editor image

เครดิตภาพ: QSNCC

  •   โครงการสำคัญ (Mega Project)

โครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงไทย-จีน สายกรุงเทพฯ -หนองคาย มีเป้าหมายเพื่อทดแทนระบบรถไฟชานเมืองและรถไฟสายต่าง ๆ พร้อมเชื่อมต่อภาคธุรกิจเข้ากับตัวเมืองอย่างรวดเร็ว เป็นความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยและจีน เพื่อเชื่อมต่อโครงข่ายระบบขนส่งมวลชนทางรางของประเทศกลุ่มซีเอ็มแอลวี คือ จีน มาเลเซีย ลาวและเวียดนามเข้ากับไทย อันจะก่อให้เกิดผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและสังคมร่วมกันมากขึ้น

กระทรวงคมนาคม ได้ตระหนักถึงความสำคัญของโครงการเชื่อมโยงโครงข่ายทางระบบรางที่ช่วยกระจายความเจริญทางเศรษฐกิจสู่ภูมิภาค และโอกาสผลักดันเม็ดเงินการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานสู่การกระตุ้นเศรษฐกิจแก่ประชาชนทุกระดับผ่านนโยบาย “Thai First” กำหนดให้ใช้วัสดุอุปกรณ์ที่ผลิตภายในประเทศให้มากที่สุด เพื่อให้เกิดการสร้างงานให้คนไทยและต่อยอดให้เกิดอุตสาหกรรมต่อเนื่องในประทศ ลดภาระงบประมาณที่ต้องนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ ประเทศไทยเป็นผู้ลงทุนโครงการ 100% ทำให้สามารถกำหนดยุทธศาสตร์ เช่น กำหนดรถไฟความเร็วสูงเป็นโครงข่ายหลักในการขนส่งผู้โดยสาร

3. การพัฒนาในประเทศไทย (New Development) 

  •   การพัฒนาด้านระบบคมนาคม

ซีเมนส์ โมบิลิตี้ ผู้นำด้านคมนาคมขนส่ง เปิดตัว 4 เทคโนโลยีดิจิทัล “ไฮสปีด บิ๊กดาต้า กรีนโมบิลิตี้” เพื่อยกระดับระบบทางรางของไทยเทียบสู่ระดับสากลต้อนรับยุค 5G ในงาน Asia Pacific Rail 2022 ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยนำโครงการรถไฟทางคู่ สายจิระ-ขอนแก่น เป็นต้นแบบนำร่อง 4 นวัตกรรมไฮไลท์ที่ตอบโจทย์กับบริบทเมืองและเศรษฐกิจ ที่สามารถรองรับการเดินทางหลายประเภท พร้อมช่วยผลักดันให้ขนส่งระบบรางของไทยเทียบชั้นระดับโลก

  1. ระบบ Mobility-as-a-Service หรือ MaaS เทคโนโลยีวิเคราะห์และเปลี่ยนรูปแบบการเดินทาง ที่ช่วยให้ผู้โดยสารออกแบบเส้นทางการเดินทางในรูปแบบของตัวเอง
  2. ระบบการจัดการสินทรัพย์ทางรางดิจิทัล Railigent  ซึ่งเป็น AI วิเคราะห์และวางแผนการซ่อมบำรุงดูแลรักษา ช่วยลดต้นทุนดูแลรักษาได้มากกว่า 15% 
  3. นวัตกรรมรถไฟฟ้าความเร็วสูงเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม  สามารถประหยัดเวลาเดินทางด้วยความเร็วสูงสุดที่ 360 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และลดปริมาณการใช้พลังงานมากถึง 30%
  4. แบบจำลอง GCP 5000 ระบบอุปกรณ์เครื่องกั้นรถไฟแบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อตรวจจับการเคลื่อนไหวของรถไฟที่กำลังแล่นเข้ามาและเริ่มระบบเตือนเครื่องกั้นทางรถไฟได้อย่างมีประสิทธิภาพ
editor image
เครดิตภาพ: https://www.thansetakij.com

  •   การพัฒนาด้านเทคโนโลยี 

“ท่าเรือท่าช้าง – สาทร” ท่าเรืออัจฉริยะ SMART PIER SMART CONNECTION

รัฐบาลให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของประเทศด้วยการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย ทั้งทางถนน ทางน้ำ ทางราง และทางอากาศ เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนา

เศรษฐกิจสังคม เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยในระดับนานาชาติ ตลอดจนการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะให้มีความสะดวก ปลอดภัย เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน  

กระทรวงคมนาคม กำหนดแผนพัฒนายกระดับท่าเรือโดยสาร (Smart Pier) ในแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2562 - 2567 ที่จะพัฒนาท่าเรือ จำนวน 29 แห่ง ในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑลให้มีรูปลักษณ์ที่สวยงามตามหลักอารยสถาปัตย์ (Universal Design) 

มีระบบการให้บริการที่ทันสมัย นอกจากนั้นยังได้ส่งเสริมให้มีเรือโดยสารพลังงานไฟฟ้า ลดมลพิษ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชน อีกทั้งมีส่วนส่งเสริมการท่องเที่ยวทางน้ำ สร้างรายได้ให้กับประเทศ และเมื่อพัฒนาท่าเรือแล้วเสร็จตามแผน จะทำให้มีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นเป็น 53,000 คนต่อวัน ในปี พ.ศ. 2570

  •   การพัฒนาด้านบุคลากร 

จากการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสเอเปค ครั้งที่ 2 วันที่ 9 ถึง 12 พฤษภาคม 2565 ไทยได้ร่วมผลักดันการประชุมคณะทำงานด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของเอเปค ภายใต้หัวข้อ “พลเมืองยุคใหม่ ใส่ใจสิ่งแวดล้อม รู้รอบดิจิทัล” สอดคล้องกับหัวข้อหลักการเป็นเจ้าภาพเอเปคของไทย “เปิดกว้างสร้างสัมพันธ์ เชื่อมโยงกัน สู่สมดุล” มุ่งยกระดับคุณภาพแรงงาน การศึกษา และการคุ้มครองทางสังคม ผ่านการทำงานของ 3 เครือข่าย ได้แก่ เครือข่ายด้านการเสริมสร้างสมรรถนะ เครือข่ายด้านการศึกษา และเครือข่ายแรงงานและการคุ้มครองทางสังคม ใน 3 ประเด็นสำคัญ

  1. การปรับแนวทางเสริมสร้างสมรรถนะแรงงานในรูปแบบใหม่ เพื่อพัฒนาแรงงานให้มีทักษะสอดคล้องกับความต้องการของตลาด ในยุคหลังโควิด-19
  2. การพัฒนาระบบแรงงานที่พร้อมรับความเปลี่ยนแปลงและปรับตัวให้เข้ากับความท้าทายใหม่ๆ รวมถึงการก้าวสู่ยุคดิจิทัล และการปรับเปลี่ยนของอุตสาหกรรมที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาอย่างยั่งยืน
  3. นโยบายการพัฒนาการศึกษาที่ยั่งยืน และประเด็นความท้าทายต่างๆ เช่น ผลกระทบต่อการจ้างงานที่ถูกทดแทนด้วยระบบ AI การออกแบบนโยบายคุ้มครองแรงงานจากการจ้างงานที่เปลี่ยนแปลงไป และความเท่าเทียมทางเพศ

เลือกประเทศไทย

  • new-experience

    ประสบการณ์ใหม่

  • various-places

    หลากหลายสถานที่

  • full-service

    บริการครบวงจร

  • thai-identity

    เอกลักษณ์ไทย

  • connecting-hub

    ศูนย์กลางธุรกิจไมซ์เอเชีย